ผ้าขาว

เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาวขึ้นอยู่กับคูว่าจะแต่งแต้มสีอะไรไปบ้าง more »

กีฬาอำเภอโรงเรียนวัดโพธิ์นิมิต

ชัยชนะของนักเรียนคือความสำเร็จของครูทุกคน more »

กำลังใจ

ถึงแม้ลูกศิษย์จะท้อหมดกำลังใจครูคนนี้ก็ไม่หยุดให้กำลังใจ more »

รอยยิ้ม

เมื่อเรายิ้มความสุขก็จะเป็นเพื่อนเรา more »

ศิลปะกับจิตใจ

เขียนโดย Unknown
        สุภาพร  แก้วกุก

          คำว่า “ศิลปะ” หมายถึงอะไร?  “ศิลปะ” คืออะไร?  “ศิลปะ” เกิดขึ้นได้อย่างไร นี่เป็นคำถามที่ฟังดูง่ายและคำตอบก็น่าจะง่ายเช่นเดียวกัน แต่แปลก 100 คน ใน 1 คำถาม ไม่มีใครตอบได้เลย และไม่กล้าแม้จะตอบหรือแสดงความคิดเห็นผ่านพ้นริมฝีปากออกมา คำว่า “งง” เกิดขึ้น ในฐานะที่ตัวเองซึ่งปัจจุบันเป็นครูผู้สอนวิชาศิลปะ หรือทัศนศิลป์ (เพิ่งย้ายมาสอนใหม่ได้ไม่นาน) ในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากพอสมควร แอบน้อยใจในใจ นี่ขนาดเด็กนักเรียนที่เรียนในโรงเรียนดีๆ มีความเจริญก้าวหน้าทุกอย่างทั้งทางด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ต เป็นไปได้หรือที่เด็กจะไม่สนใจค้นคว้าเรื่องศิลปะเลย แค่เพียงปลายนิ้วคลิกเดียวก็สามารถรับรู้ข้อมูลได้ทั่วโลก แต่สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว สิ่งที่เจอหรือคุ้นเคยเกี่ยวข้องกับตัวเองในชีวิตประจำวัน แต่ไม่รู้เลยว่าได้ประยุกต์สิ่งเหล่านั้นมาจากไหน ชีวิตตอนเช้าเริ่มต้นที่เตียงนอน จนกระทั่งตอนเย็นก็จบลงที่เตียงนอน ภารกิจชีวิตประจำวันต่างก็ต้องใช้ความรู้ทั้งนั้น แม้เรื่องเล็กน้อย เช่น การเจียวไข่ที่ง่ายที่สุด (โดยเฉพาะคนที่ทำกับข้าวไม่เป็น) ยังต้องใช้ความรู้เลย แต่ใครบ้างเล่าจะคิดว่า เราได้นำความรู้เรื่องศิลปะมาใช้ในการเจียวไข่ให้ชวนรับประทานนั้น นอกจากจะมีแค่สีเหลืองของไข่เพียงอย่างเดียว เราก็นำความรู้ความรู้เรื่องศิลปะมาประยุกต์สร้างสีสันให้กับการเจียวไข่ ส่วนผสม เช่น ยอดชะอมสีเขียวแทนที่จะหั่นหรือเด็ดเป็นชิ้นเล็กๆ ก็นำยอดชะอมมาดัดเป็นรูปใบหน้า หรือรูปหัวใจ พริกสดสีแดงแต่งแต้มเป็นริมฝีปาก สีเหลืองเป็นแก้มยุ้ย สีเขียวเป็นคิ้วโก่งก็น่ารักไปอีกแบบ หอมหัวใหญ่แปลงร่างเป็นแว่นสายตาก็ยังได้ เอาหอมแดงมาซอยเป็นลูกตาซะเลย  น่ากินทีเดียว หรือแม้กระทั่งข้าวผัดหลากสีสัน คือตัวการหลอกล่อให้เด็กกินข้าวนั้นเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นล้วนใช้ความรู้เรื่องศิลปะประยุกต์ทั้งนั้น น้อยคนนักที่จะสังเกตว่านี่เองหรือคือศิลปะ ศิลปะเป็นแบบนี้นี่เอง
          จากการที่ได้รับรู้ ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า วันแล้ววันเล่า ความรู้สึกข้างต้นที่ว่า งุนงง ก็ยิ่งนับทวีคูณขึ้น เด็กนักเรียนที่ตนเองสอน มีลักษณะเป็นคนแล้งน้ำใจ ไม่มีความเห็นใจเพื่อน เห็นแก่ได้ ไม่รู้จักการเสียสละจิตใจแข็งกระด้าง ขาดความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ (ไม่ได้เป็นคนมองโลกในแง่ร้ายแต่นี่คือประสบการณ์โดยตรงที่สัมผัสและพบเจอ) ก็เลยเกิดความคิดแรงผลักดันว่า จะนำความรู้เรื่องศิลปะที่เรามีมาประยุกต์ใช้และพัฒนาจิตใจเด็กได้อย่างไรจะแก้ไขข้อบกพร่องนี้อย่างไรดี เด็กสมัยนี้จึงจะเป็นเหมือนกับสมัยที่ครั้งหนึ่งตัวเองก็เคยเป็นเด็กเช่นกัน
          ความคิดบวกแรงขับเคลื่อนและความรู้เรื่องศิลปะที่ได้สั่งสมมาหลายปี จากการที่ได้เข้าศึกษาเล่าเรียน อบรม และผ่านการฝึกฝนมา บวกกับความอดทนที่ช่างยากเย็นแสนสาหัส ต้องแลกมากับกาลเวลา ฝ่าฟันอุปสรรคโดยเฉพาะจิตใจของตัวเอง แต่ผลงานที่ออกมาก็คุ้มค่ายิ่งกว่าคุ้ม ผลตอบกลับ คือความละเอียดอ่อนจิตใจที่มีสมาธิ อดทน โดยได้จากการฝึกฝนวิชาศิลปะ ที่ช่วยหล่อหลอมทำให้ตนเองมีความอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น เห็นใจคนอื่นชอบช่วยเหลือคนที่ขาดโอกาส พลาดโอกาส นี่คือสิ่งที่ได้จากการศิลปะทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าบางครั้งจะมีอารมณ์ที่เรียกว่า (อารมณ์ศิลปินนั้นก็จะเป็นแค่เพียงครู่เดียวเท่านั้น)

          ในความคิดส่วนตัวนั้น คิดว่าอยากนำความรู้เรื่องศิลปะและประสบการณ์มาปรับใช้กับนักเรียนของตนเอง และคิดว่าผลที่ได้รับจะออกมาในเชิงบวกแน่นอน เปรียบเทียบกับสมัยที่ตนเอง อายุ 21 ปี กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรียังเปลี่ยนได้ เพราะศิลปะช่วยบำบัด นับประสาอะไรกับไม้อ่อนซึ่งกำลังดัดง่ายอย่างลูกๆนักเรียนของข้าพเจ้าซึ่งอายุเพียงไม่เท่าไรจะเปลี่ยนไม่ได้ เด็กยังสะอาดบริสุทธิ์นัก ครูคนนี้แหละจะเติมสีสันให้กับเค้าเหล่านั้น สีสันที่มีคุณค่าในตัว มีความบริสุทธิ์ จริงใจ และใสซื่อ  จะค่อยๆปรับ ค่อยๆเปลี่ยน เติมสีชมพู สีฟ้า สีเหลือง สีเขียว ให้เค้าได้เจริญงอกงามผลิดอกออกใบ เติบโตตามวัยและเป็นที่น่าชื่นชมรักใคร่ให้จงได้ จะใช้ศิลปะบำบัด พัฒนาจิตใจให้เจริญวัยสู่วัยรุ่นที่งดงามทั้งกาย วาจา ใจ สดใสทั้งภายนอกภายใน บำบัดจิตใจให้อ่อนโยน รู้จักให้มากกว่ารับ เห็นใจมากกว่า ยอมเสียเปรียบบ้างในบางครั้งดีกว่าได้เปรียบคนอื่นทุกครั้งไป
          การลงมือบำบัดนั้น มีวิธีการที่จะปฏิบัติและง่ายนิดเดียว เพียงแค่สอดแทรกจินตนาการแอบแฝงในทุกชั่วโมงที่เรียนศิลปะ อันดับแรกฝึกคิดบวก สร้างสรรค์จินตนาการ สร้างค่างานศิลปะ โดยฝึกใช้สมาธิในการสร้างผลงาน ลงมือปฏิบัติจริง ผูกจิตใจให้แน่วแน่มั่นคงไม่วอกแวก อดทนต่อการเวลา แบ่งปันอุปกรณ์เครื่องใช้ เอื้อเฟื้อและสละให้เพื่อน ซึ่งงานชิ้นแรกเริ่มเลย คือการฝึกร่างภาพ ลงรายละเอียด เรื่องภาพวาดลายเส้นลงค่าน้ำจากดินสอดำนี่แหละ สร้างค่าน้ำหนักจากแสงและเงา โดยดึงเอารูปร่าง รูปทรงทางเรขาคณิตธรรมดา จะได้ภาพงานศิลป์ที่ออกมาเป็นผลงานศิลปะอันล้ำค่า เป็นงาน Drawing ผลงานของลูกๆ ที่บรรดาผู้ปกครองเห็นแล้วต้องภาคภูมิใจในตนเอง
          ข้าพเจ้าเชื่อแน่นอนว่าเด็กจะได้รับผลโดยตรงและโดยทางอ้อมจากศิลปะบำบัด เด็กมีความอดทนมากขึ้น หายจากอาการสมาธิสั้น มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความกระด้างต่างๆก็จะลดลง และเมื่อเด็กเหล่านี่ย่างกรายเข้าสู่วัยรุ่นก็จะเป็นวัยรุ่นที่ดี พัฒนาสู่วัยทำงานก็จะเป็นวัยทำงานที่มากคุณภาพมากประสบการณ์ ด้วยความที่มีจิตใจที่ดี ทำงานสุจริต เป็นคนหนึ่งที่มีคุณค่าในอีกหลายคนที่อยู่ในองค์กร ย่อมส่งผลต่อหน้าที่การงาน ความเจริญก้าวหน้า มากล้อมไปด้วยคนรักใคร่ และเป็นที่ไว้ใจผู้ใหญ่และผองเพื่อน ย่อมสร้างให้องค์กรเจริญอย่างรวดเร็ว และไม่นานคู่ชีวิตที่คิดฝากฝีฝากไข้ก็จะตามมา เกิดงานมงคลสมรส ผลิตทายาทสืบสกุล และกลายเป็นครอบครัวที่อบอุ่นรายล้อมไปด้วยความสุข และหลายครอบครัวเล็กๆ หลากหลายความสุขรวมกันเป็นสังคมใหญ่ สังคมแห่งความปรองดอง สังคมพี่น้อง สังคมแห่งความปลอดภัย จากสังคมที่ดีมีรากฐานที่แน่นหนามั่นคง ย่อมนำพาไปสู่สังคมใหญ่ สังคมประเทศชาติ ประเทศชาติไทยที่มั่นคงยั่งยืนสืบต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน กลายเป็นตำนานบันทึกไว้ให้รุ่นหลานเหลนอยากศึกษาและและกล่าวถึงบรรพบุรุษที่สืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน และต้องเป็นที่กล่าวขานถึงอย่างแน่นอน
          ครูศิลปะคนนี้ ยินดีและเต็มใจจะสร้างเด็กไทยยุคใหม่ สู่วัยรุ่นที่ดี วัยทำงานที่มากล้นคุณภาพ และเป็นกำลังของสังคมชาติไทย ด้วยจิตใจที่แรงกล้า ต่อไป และวอนขอกำลังใจจากเพื่อนร่วมชาติด้วยก็คงดี...
more »